|
|
|
|
ในปี ค.ศ.1929 ซิฟิลิสเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ |
|
ในคนผิวดำที่ด้อยโอกาส มีความชุกของโรคถึงร้อยละ 25 โดยยาที่ใช้รักษาจะ |
ประกอบด้วยสารปรอทและบิสมัท ซึ่งอัตรารักษาหายเพียงประมาณร้อยละ 30 |
มีผลข้างเคียงที่รุนแรง และยามีราคาแพง แผนกกามโรคของรัฐได้ร่วมมือกับ |
สถาบันทัสกีจีในมลรัฐอลาบามาและกองทุน Rosenwald ให้การรักษาผู้ป่วย |
ที่เป็นคนผิวดำที่อยู่ในชนบททางตะวันออกของรัฐอลาบามา แต่เมื่อเกิดวิกฤติ |
เศรษฐกิจในปี ค.ศ.1931 กองทุนจึงงดความช่วยเหลือ แต่แผนกกามโรคของ |
รัฐได้ดำเนินการเดินหน้าต่อโดยเปลี่ยนเป็นการศึกษาวิจัยในชื่อโครงการวิจัย |
ว่า “The Tuskegee Study of Untreated Syphilis in the Negro Male” เพื่อ |
ติดตามดูการดำเนินโรคของซิฟิลิสในคนผิวดำ |
|
|
|
การศึกษาเริ่มโดยการประกาศเชิญชวนชายผิวดำที่โบสถ์ โรงเรียน และร้านค้าให้มาตรวจเลือดเพื่อคัดกรอง มีชายผิวดำอายุ 25 ปีขึ้นไป จำนวน 600 คน มารับ |
การตรวจเลือด ในจำนวนนี้ 399 เป็นโรคซิฟิลิสระยะแฝง (ไม่แสดงอาการใดๆ) อีก 201 คนไม่เป็นโรค (คนที่เป็นโรคที่แสดงอาการถูกคัดออกเพื่อไปรักษา) ทีม |
วิจัยเป็นพยาบาลผิวดำซึ่งผ่านการฝึกอบรมที่สถาบันทัสกีจี ให้การดูแลและติดตามอาสาสมัคร อาสาสมัครได้รับการบอกกล่าวเพียงว่า พวกเขาจะได้รับการรักษา |
“เลือดเสีย (bad blood)” ไม่มีการลงนามยินยอมเข้าร่วมการวิจัย สิ่งที่ปกปิดไว้คือ พวกเขาจะไม่ได้รับการรักษาโรคซิฟิลิสแต่อย่างใดเพื่อดูการดำเนินโรค |
โครงการวิจัยให้การตรวจสุขภาพ เลี้ยงอาหาร ให้บริการรถรับส่งจากคลินิกไป-กลับที่พัก หากอาสาสมัครเสียชีวิตจะจ่ายเงินเป็นค่าทำพิธีฝังศพ แต่ต้องยอมให้ |
ผ่าชันสูตรศพ มีการแจ้งอาสาสมัครว่าให้“โอกาสพิเศษ”ในการมาตรวจรอบสอง เมื่อตรวจเสร็จจะให้การรักษาโดยให้ไปที่โรงพยาบาลสถาบันทัสกีจี เมื่ออาสา |
สมัครไปก็ถูกเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจว่าซิฟิลิสขึ้นสมองหรือไม่ โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนการรักษาแต่ก็ไม่ให้การรักษา ตอนแรกตั้งใจจะทำวิจัยเพียง 6 เดือน |
แต่กลับปล่อยยาวนานถึง 40 ปี |